Tickmill ดีไหม รีวิวโบรกเกอร์ forex ข้อดีข้อเสีย 2024

Contents

Tickmill ดีไหม

ผู้ให้บริการที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในวงการ Forex Tickmill ดีไหม? ด้วยการเติบโตของตลาด Forex ในประเทศไทยที่ก้าวกระโดด ทำให้ผู้ให้บริการจากต่างประเทศรายใหญ่เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น

ซึ่งนั่นรวมไปถึง Tickmill ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการเงินและเทคโนโลยี พร้อมทั้งการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เข้ามาให้บริการคนไทยอีกด้วย วันนี้เราจะมารีวิวความน่าสนใจของโบรกเกอร์รายนี้ โดยจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

“ค่าบริการที่ต่ำคือหัวใจสำคัญของการทำกำไรในตลาด Forex”

Tickmill คืออะไร?

Tickmill คือ โบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการให้บริการที่มีคุณภาพ โดยมีจุดเด่นในเรื่องของค่าบริการที่ต่ำ ทั้งในด้าน Spread และ Commission

Tickmill ให้บริการการเทรดในตลาดการเงินหลากหลายประเภท โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการซื้อขายมากถึง 5 กลุ่มสินค้า ได้แก่ Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น และ คริปโตเคอเรนซี เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ที่เทรดเดอร์ต้องการซื้อขาย

Tickmill Logo
Tickmill Logo

จุดเด่นสำคัญของ Tickmill คือ การเป็นโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.0 pips สำหรับบัญชี Pro และ VIP ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ ในตลาด นอกจากนี้ยังมีความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็วมาก และมีความเสถียรสูงแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

ข้อดี – ข้อเสีย ของโบรกเกอร์ Tickmill

ผู้ให้บริการซื้อขาย Forex หรือ CFD นั้น แต่ละโบรกเกอร์มีข้อดี กับ ข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยเราได้รวบรวมจุดเด่น กับ ข้อเสียเปรียบที่ทำให้เทรดเดอร์ตัดสินใจเกี่ยวกับการไว้ใจในการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็นข้อดี และ ข้อเสียของโบรกเกอร์ Tickmill ได้ดังนี้

ข้อดี โบรกเกอร์ Tickmill

ในส่วนของข้อดีของ Tickmill มีจุดเด่นที่น่าสนใจ พร้อมขอแนะนำด้วยกันหลายประการ โดยจะขอแบ่งออก 8 เป็นข้อย่อยให้เข้าใจง่ายดังนี้

  1. ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์
    • จดทะเบียนและได้รับการกำกับดูแลจาก FSA (Seychelles), FCA (UK) และ CySEC (Cyprus)
    • มีประวัติการดำเนินงานยาวนานกว่า 10 ปี
    • ได้รับรางวัลมากมาย เช่น Best Trading Conditions 2021 จาก FxScouts Forex Awards
  2. เงื่อนไขการเทรดที่เอื้อต่อเทรดเดอร์ทุกท่าน
    • Spread ต่ำมาก เริ่มต้นที่ 0.0 pips สำหรับบัญชี Pro และ VIP
    • ค่าคอมมิชชั่นต่ำ เริ่มต้นที่ 2 USD ต่อล็อตสำหรับบัญชี VIP
    • Leverage สูงสุดถึง 1:500
  3. ระบบการซื้อขายที่รวดเร็วและเสถียร
    • Server มีความเสถียรสูง (Delay ประมาณ 0.2 วินาที)
    • สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้แม้ในช่วงประกาศข่าวสำคัญ
  4. ผลิตภัณฑ์การเทรดที่หลากหลาย
    • มีสินค้าให้เลือกเทรดมากกว่า 1,000 รายการ
    • ครอบคลุม 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์: Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น และคริปโตเคอเรนซี
  5. การฝากถอนที่สะดวก
    • รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทย
    • ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากเงินและถอนเงิน
    • ระยะเวลาในการถอนเงินรวดเร็ว (ประมาณ 5 ชั่วโมง)
  6. โปรโมชั่นที่น่าสนใจ
    • มีโบนัส Welcome Account 30 USD สำหรับลูกค้าใหม่
    • โปรแกรม Trader ประจำเดือนที่มอบเงินรางวัล 1,000 USD
    • กิจกรรม NFP Machine ที่ให้ลูกค้าร่วมสนุกคาดการณ์ราคา
  7. แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย
    • รองรับ MetaTrader 4 (MT4)
    • มี WebTrader สำหรับเทรดผ่านเบราว์เซอร์
  8. การสนับสนุนลูกค้าที่ดี
    • มีทีม Support ภาษาไทย
    • ให้บริการผ่าน Live Chat, โทรศัพท์ และอีเมล

ข้อเสีย โบรกเกอร์ Tickmill

เห็นข้อดีของโบรกเกอร์กันไปแล้ว ในหัวข้อนี้มาดูข้อเสียเปรียบ หรือ จุดด้อยของผู้ให้บริการรายนี้กันบ้าง ซึ่งได้แบ่งออกเป็นข้อย่อยง่าย ๆ ด้วยกัน 4 ข้อดังนี้

  1. การเป็นที่รู้จักในประเทศไทยยังไม่กว้างขวาง
    • แม้จะมีชื่อเสียงดีในระดับสากล แต่ในประเทศไทยอาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
    • อาจต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าในประเทศไทย
  2. ระยะเวลาในการยืนยันตัวตน
    • ใช้ระยะเวลาการยืนยันตัวตนถึง 2 วัน ซึ่งอาจนานกว่าโบรกเกอร์บางราย
    • อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเริ่มต้นเทรด
  3. การตอบสนองของฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
    • Live chat บางครั้งรอนานกว่าจะเข้ามาตอบ (กว่า 30 นาที – 1 ชั่วโมง หลายครั้งค้างไปเลย)
    • Line Official ก็ตอบช้า (ใช้เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกับ Live chat)
  4. ข้อจำกัดด้านแพลตฟอร์มการเทรด
    • มีเพียง MT4 และ WebTrader ให้บริการ
    • ไม่รองรับ MT5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Tickmill ข้อดีข้อเสีย
Tickmill ข้อดีข้อเสีย

ความน่าเชื่อถือของ Tickmill

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นของโบรกเกอร์เลยก็คือ ความน่าเชื่อถือที่พวกเขานั้นมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กับ ชื่อ Tickmill อีกทั้งยังมีการกำกับดูแลมากถึง 3 หน่วยงานชั้นนำ โดยพวกเขาได้สร้างคะแนนความน่าเชื่อถือเอาไว้ดังนี้

ปีที่ก่อตั้ง / อายุของการให้บริการด้าน Forex

โบรกเกอร์ Tickmill ก่อตั้งเมื่อปี 2014 พวกเขาเปิดให้บริการมามากกว่า 10 ปี เป็นที่เรียบร้อย และไม่เคยมีข่าวเสียหายร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท

License / คะแนน Trust pilot

ทางด้านใบอนุญาต พร้อมทั้งการกำกับดูแล ที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่ามีหน่วยงานที่กำกับดูแลชั้นนำของโลกถึง 3 หน่วยงาน ซึ่งจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. Financial Services Authority (FSA) Seychelles
    • ได้รับใบอนุญาตเลขที่ SD008
    • จดทะเบียนในชื่อ Tickmill Ltd
    • FSA เป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศเซเชลส์ ซึ่งมีมาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด
  2. Financial Conduct Authority (FCA) United Kingdom
    • ได้รับใบอนุญาตเลขที่ 717270
    • จดทะเบียนในชื่อ Tickmill UK Ltd
    • FCA เป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
  3. Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
    • ได้รับใบอนุญาตเลขที่ 278/15
    • จดทะเบียนในชื่อ Tickmill Europe Ltd
    • CySEC เป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศไซปรัส ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสหภาพยุโรป

สำหรับใบอนุญาตทั้ง 3 ใบ ทำให้การันตีได้ว่า Tickmill นั้นมีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งการกำกับดูแลในหลายประเทศ ทำให้พวกเขาเป็นโบรกเกอร์ที่มีมาตรฐานระดับสากล

คะแนนจาก Trustpilot

Tickmill Trustpilot
Tickmill Trustpilot

คะแนนของ Tickmill บน Trustpilot อยู่ที่ 3.1 จาก 5 ดาว (ข้อมูล ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2024) ถือว่าได้รับความไว้วางใจจากเทรดเดอร์ในระดับที่ดี โดยมีรีวิวมากกว่า 539 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับค่าบริการที่ต่ำและความเร็วในการส่งคำสั่งซื้อขาย

Scam และข่าวด้านการโกง / การตุกติก

หลังจากที่ค้นหาข่าวด้านการโกง หรือ การตุกติกของ Tickmill พบว่าไม่มีข่าวเชิงลบที่ร้ายแรงหรือการกล่าวหาเรื่องการโกงลูกค้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม มีบางรีวิวที่แสดงความไม่พอใจในเรื่องของ:

  • การตอบสนองของฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ล่าช้าในบางครั้ง
  • ระยะเวลาในการยืนยันตัวตนที่อาจใช้เวลานานกว่าโบรกเกอร์อื่น

ทั้งนี้ ทาง Tickmill มักจะมีการตอบกลับและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการบริการลูกค้า

ประเภทบัญชี Tickmill

ประเภทบัญชีของโบรกเกอร์นี้จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ซึ่งจะมีความแตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการของเทรดเดอร์ที่หลากหลาย โดยจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. บัญชี Classic

  • Platform: MetaTrader 4
  • Spread เริ่มต้น: 1.6 pips สำหรับ EUR/USD
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
  • Leverage สูงสุด 1:500
  • เงินฝากขั้นต่ำ: $100
  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการความเรียบง่ายในการคำนวณต้นทุน

2. บัญชี Raw

  • Platform: MetaTrader 4
  • Spread เริ่มต้น: 0.0 pips สำหรับ EUR/USD
  • ค่าคอมมิชชั่น $6 ต่อล็อต (ซื้อขายรวม)
  • Leverage สูงสุด 1:500
  • เงินฝากขั้นต่ำ: $100
  • เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพหรือผู้ที่เทรดบ่อยและต้องการต้นทุนที่ต่ำที่สุด
Tickmill ประเภทบัญชี
Tickmill ประเภทบัญชี

ทั้งสามบัญชีมีจุดเด่นร่วมกันคือ:

  • รองรับการใช้ Expert Advisors (EAs)
  • สามารถทำ Scalping ได้
  • รองรับการทำ Hedging
  • ไม่มีข้อจำกัดในการใช้กลยุทธ์การเทรดต่างๆ

ภาพรวมการเทรด ความลื่นไหล กราฟค้าง?

สำหรับการเทรดของโบรกเกอร์ Tickmill นั้น ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะในด้านความเร็วและความเสถียรของระบบ โดยภาพรวมในการเทรดดังนี้

ความลื่นไหลในการเทรด

เรียกได้ว่ามีความลื่นไหลในการเทรดสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบัญชี Pro และ VIP ที่มีสเปรดต่ำมาก เมื่อทดสอบการซื้อ-ขาย พบว่าคำสั่งรวดเร็วมาก แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยมี Delay ประมาณ 0.2 วินาทีเท่านั้น

Requotes (รีโควต) บ่อยไหม

ปัญหาเรื่องการรีโควตแทบจะไม่พบในการเทรดกับ Tickmill เนื่องจากมีระบบการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีประสิทธิภาพสูง แม้ในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญ การส่งคำสั่งซื้อขายก็ยังทำได้อย่างราบรื่น

กราฟค้างบ่อยไหม / ลากไส้เทียนมากิน stop loss บ่อยไหม

ปัญหาเรื่องกราฟค้างแทบจะไม่พบในการใช้งานปกติ แม้ในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ระบบของ Tickmill มีความเสถียรสูง ทำให้การแสดงผลกราฟและการส่งคำสั่งซื้อขายทำได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงมาก อาจมีโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและทะลุ stop loss ได้

Slippage บ่อยไหม

ปัญหา Slippage พบน้อยมากในการเทรดกับ Tickmill เนื่องจากมีระบบการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญหรือตลาดมีความผันผวนสูง อาจมีโอกาสเกิด Slippage ได้บ้าง แต่โดยทั่วไปแล้วอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

ระดับ Stop out

การ Stop Out จะเกิดขึ้นเมื่อระดับของมาร์จิ้นต่ำกว่า 50% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับเทรดเดอร์

บัญชีที่แนะนำของ Tickmill

บัญชี Raw

สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพหรือผู้ที่เทรดบ่อย บัญชี Raw ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ด้วย Spread ที่ต่ำมากเริ่มต้นที่ 0.0 pips และค่าคอมมิชชั่นที่คงที่ $4 ต่อล็อต ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการเทรดได้ดี เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ Day Trading
  • ผู้ที่เทรดปริมาณมาก
  • ผู้ที่ใช้ Expert Advisors (EAs)

บัญชี Classic

สำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่เทรดไม่บ่อยมากนัก บัญชี Classic อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยการไม่มีค่าคอมมิชชั่น แม้ว่า Spread จะกว้างกว่าบัญชี Pro เล็กน้อย เหมาะสำหรับ:

  • ผู้เริ่มต้นที่ต้องการความเรียบง่ายในการคำนวณต้นทุน
  • ผู้ที่เทรดไม่บ่อยมากนัก
  • ผู้ที่ไม่ต้องการกังวลเรื่องค่าคอมมิชชั่น

โปรโมชั่นของ Tickmill

Tickmill มีโปรโมชั่นและกิจกรรมที่น่าสนใจหลายรายการ โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  1. Welcome Account 30$
    • สำหรับลูกค้าใหม่ จะได้รับเงินลงทุนเริ่มต้น 30$ ฟรี
    • สามารถใช้เทรดได้ และสามารถถอนกำไรออกมาได้
    • เป็นโอกาสดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองเทรดด้วยเงินจริง
  1. Trader ประจำเดือน
    • ในทุกๆเดือน Trader ผู้ที่มีทักษะที่ดีที่สุดสองคนจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000$
    • เป็นการกระตุ้นให้เทรดเดอร์พัฒนาทักษะและกลยุทธ์การเทรดอย่างต่อเนื่อง
  2. NFP Machine
    • ในทุกๆสัปดาห์ที่มีการประกาศข่าว Non-Farm Payroll
    • ผู้เข้าร่วมสามารถคาดเดาราคาในแพลตฟอร์ม MT4 (ภายใน 30 นาทีหลังจากการประกาศข่าว)
    • กรณีที่ทายราคาได้ตรงเป้าแบบสมบูรณ์ จะได้รับรางวัล 500$
    • กรณีที่ไม่มีใครได้รับรางวัลจากการทายราคาถูกแบบตรงๆ ผู้ที่คาดการณ์ที่ใกล้เคียงที่สุดจะได้รับเงินรางวัล 200$

โปรโมชั่นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Tickmill ในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรโมชั่น Welcome Account 30$ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เริ่มต้นได้ทดลองเทรดด้วยเงินจริงโดยไม่ต้องลงทุนเอง

Platform ที่ใช้งาน

Tickmill รองรับแพลตฟอร์มการเทรดที่เป็นที่นิยม แต่อาจมีข้อจำกัดบางประการเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น:

  1. MetaTrader 4 (MT4)
    • แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ใช้งานง่าย
    • เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
    • รองรับการใช้งาน Expert Advisors (EAs)
    • มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมากมาย
  2. WebTrader
    • เทรดผ่านเว็บบราวเซอร์โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
    • ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
    • อาจมีข้อจำกัดบางประการเมื่อเทียบกับ MT4 แบบเต็มรูปแบบ

ข้อสังเกต: Tickmill ไม่รองรับ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน นี่อาจเป็นข้อจำกัดสำหรับเทรดเดอร์บางรายที่ต้องการใช้ฟีเจอร์เฉพาะของ MT5

Tickmill แพลตฟอร์ม
Tickmill แพลตฟอร์ม

การฝาก-ถอน Tickmill

การฝากและถอนเงินเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกโบรกเกอร์ Tickmill มีระบบการฝาก-ถอนที่สะดวกและรวดเร็ว โดยมีรายละเอียดดังนี้:

ความเร็วในการฝาก-ถอน

  • การฝากเงิน: เงินเข้าบัญชีทันทีสำหรับวิธีการฝากส่วนใหญ่
  • การถอนเงิน: ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ

ค่าบริการ / Rate ฝาก-ถอน

  • การฝากเงิน: ไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากผ่านธนาคารไทยและ e-Wallets ส่วนใหญ่
  • การถอนเงิน: ไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนผ่านธนาคารไทย

วิธีการ ฝาก – ถอน Tickmill

วิธีการฝากเงิน:

  1. Internet Banking ของธนาคารไทย (9 ธนาคาร)
  2. Wire Transfer
  3. บัตรเครดิต/เดบิต (Visa/MasterCard)
  4. Skrill
  5. Neteller
  6. SticPay

วิธีการถอนเงิน:

  1. โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทย
  2. Wire Transfer
  3. Skrill
  4. Neteller
  5. SticPay

สำหรับการฝากและถอนเงินผ่านธนาคารไทย Tickmill รองรับธนาคารหลักๆ ถึง 9 แห่ง ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกธนาคารในประเทศไทย

Copy Trade Tickmill

Tickmill ไม่มีระบบ Copy Trade ที่เป็นของตัวเองโดยตรง แต่เนื่องจากรองรับการใช้งาน MetaTrader 4 เทรดเดอร์สามารถใช้บริการ Copy Trade ผ่านแพลตฟอร์มภายนอกได้ เช่น:

  1. Myfxbook AutoTrade: บริการ Copy Trade ที่เชื่อมต่อกับ MT4 ได้
  2. ZuluTrade: แพลตฟอร์ม Social Trading ที่ให้คุณเลือก Copy เทรดเดอร์ที่มีผลงานดีได้
  3. Signal Start: บริการ Copy Trade ที่รวบรวมสัญญาณการเทรดจากเทรดเดอร์มืออาชีพ

ทั้งนี้ เทรดเดอร์ควรศึกษาและทำความเข้าใจระบบ Copy Trade ให้ดีก่อนใช้งาน เนื่องจากมีทั้งความเสี่ยงและโอกาสในการทำกำไร

ช่องทางการติดต่อ / Support

Tickmill มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่พร้อมให้บริการ โดยมีช่องทางการติดต่อดังนี้:

Tickmill ติดต่อ
Tickmill ติดต่อ
  1. Live Chat ภาษาไทย:
    • เวลาทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ / 09.00 – 18.00 น.
    • สามารถเข้าถึงได้ผ่านหน้าเว็บไซต์หลักของ Tickmill
  2. Live Chat ภาษาอังกฤษ:
    • เวลาทำการ: 07.00 – 20.00 (GMT)
  3. โทรศัพท์:
    • สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้โทรกลับได้
  4. Email:
  5. Line Official:
    • @tickmill.th

ข้อสังเกต: แม้ว่า Tickmill จะมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย แต่มีรายงานว่าบางครั้งการตอบสนองอาจล่าช้า โดยเฉพาะ Live chat ที่อาจใช้เวลานานกว่า 30 นาที – 1 ชั่วโมงในการตอบกลับ

สรุป

Tickmill เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ด้วยจุดเด่นหลายประการ:

  1. ค่าบริการที่ต่ำมาก: โดยเฉพาะบัญชี Pro และ VIP ที่มี Spread เริ่มต้นที่ 0.0 pips
  2. ความน่าเชื่อถือสูง: ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำอย่าง FCA, FSA และ CySEC
  3. ระบบการซื้อขายที่รวดเร็วและเสถียร: มี Delay เพียง 0.2 วินาที
  4. การฝาก-ถอนที่สะดวกและรวดเร็ว: โดยเฉพาะการถอนเงินที่ใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง
  5. โปรโมชั่นที่น่าสนใจ: โดยเฉพาะ Welcome Account 30$ สำหรับลูกค้าใหม่

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาบางประการ เช่น:

  • การตอบสนองของฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่อาจล่าช้าในบางครั้ง
  • ไม่รองรับ MetaTrader 5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
  • การเป็นที่รู้จักในประเทศไทยที่อาจยังไม่กว้างขวางเท่าโบรกเกอร์บางราย

โดยรวมแล้ว Tickmill เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ ด้วยความมั่นคง, ค่าบริการที่ต่ำ และระบบที่มีประสิทธิภาพสูง Tickmill เหมาะสำหรับ:

  1. เทรดเดอร์ที่ต้องการ Spread ต่ำและการส่งคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็ว
  2. ผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ High-Frequency Trading
  3. เทรดเดอร์ที่ใช้ Expert Advisors (EAs) และต้องการความเสถียรของระบบ
  4. ผู้ที่ต้องการความหลากหลายของผลิตภัณฑ์การเทรด

หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex ที่มีความน่าเชื่อถือสูง, มีค่าบริการที่ต่ำ และมีระบบที่มีประสิทธิภาพ Tickmill ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและทดลองใช้บัญชีเดโมก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีจริงเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ