HFM ดีไหม รีวิวข้อมูลโบรกเกอร์อย่างละเอียด 2024

HFM ดีไหม

ในยุคที่ตลาด Forex เติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทย ผู้ให้บริการจากต่างประเทศหลายรายก็เริ่มเข้ามาทำตลาดในบ้านเรามากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ HFM หรือชื่อเดิม HOTFOREX ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก วันนี้เราจะมารีวิวความน่าสนใจของโบรกเกอร์รายนี้กัน ว่าเหมาะสมกับนักลงทุนไทยแค่ไหน

“การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex”

HFM คืออะไร?

HFM หรือชื่อเดิมคือ HOTFOREX เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ภายใต้การดูแลของ HF Markets Group โดยมีจุดเด่นในเรื่องความน่าเชื่อถือสูง มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำหลายแห่ง และได้รับรางวัลในอุตสาหกรรมมากกว่า 60 รางวัล

hfm logo
hfm logo

HFM ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์หลากหลายประเภท ได้แก่:

  • Forex
  • CFDs
  • โลหะมีค่า
  • พลังงาน
  • ดัชนีหุ้น
  • คริปโตเคอร์เรนซี
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการ ทำให้ HFM เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ

ข้อดี – ข้อเสียของโบรกเกอร์ HFM

ข้อดีของ HFM

  1. ความน่าเชื่อถือสูง: จดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำหลายแห่ง เช่น FCA, CySEC
  2. โปรโมชั่นและโบนัสหลากหลาย: มีโปรโมชั่นน่าสนใจมากมาย เช่น โบนัสเงินฝาก 20% สูงสุด $5,000
  3. ฝาก-ถอนรวดเร็ว: รองรับการฝากถอนผ่านธนาคารไทยโดยตรง ไม่มีค่าธรรมเนียม
  4. บัญชีเทรดหลากหลาย: มีบัญชีให้เลือกหลายประเภท เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกรูปแบบ
  5. มีระบบ Copy Trading: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนแบบทำตามเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
  6. แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย: รองรับทั้ง MT4, MT5 และแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง
  7. ฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย: มี Live Chat และเบอร์โทรติดต่อสำหรับลูกค้าไทยโดยเฉพาะ

ข้อเสียของ HFM

  1. Spread ค่อนข้างกว้างในบางบัญชี: บัญชีเริ่มต้นอาจมี Spread สูงกว่า 2 pips ในคู่เงินหลัก
  2. ประเภทบัญชีมีหลายแบบ: อาจทำให้ผู้เริ่มต้นสับสนในการเลือก
  3. การแปลเว็บไซต์เป็นภาษาไทยยังไม่สมบูรณ์: บางส่วนยังคงเป็นภาษาอังกฤษ
  4. ค่า Swap ยังไม่ดีนักเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น: อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบถือสถานะข้ามคืน
  5. การถอนเงินอาจใช้เวลา: แม้จะระบุว่าเป็น Instant แต่ในความเป็นจริงอาจใช้เวลา 1 ชั่วโมงถึง 1 วัน
HFM ข้อดีข้อเสีย
HFM ข้อดีข้อเสีย

ความน่าเชื่อถือของ HFM

HFM ให้ความสำคัญกับเรื่องความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก ซึ่งเห็นได้จาก:

ใบอนุญาตและการกำกับดูแล

  • FCA (UK) – ใบอนุญาตเลขที่ 801701
  • CySEC – ใบอนุญาตเลขที่ 183/12
  • DFSA – ใบอนุญาตเลขที่ F004885
  • FSCA (South Africa) – ใบอนุญาตเลขที่ 46632
  • FSA (Seychelles) – ใบอนุญาตเลขที่ SD015

ความปลอดภัยของเงินทุน

  • เงินทุนของลูกค้าถูกแยกเก็บในบัญชีต่างหากจากบัญชีของบริษัท
  • มีการทำประกันความรับผิดทางแพ่ง (Civil Liability) วงเงินสูงถึง €5,000,000

รางวัลที่ได้รับ

HFM ได้รับรางวัลมากกว่า 60 รางวัลในอุตสาหกรรม เช่น:

  • Best Global Affiliate Programs – FXDailyInfo 2024
  • Top 100 Companies – World Finance Magazine
  • Best Trading Accounts Global – World Business Outlook 2023
  • Best Online Trading App – CFI.co 2023

ประเภทบัญชีของ HFM

HFM มีบัญชีเทรดให้เลือกหลายประเภท แต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน:

  1. บัญชี Micro
    • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย
    • Spread เริ่มต้นที่ 1 pip
    • Leverage สูงสุด 1:1000
  2. บัญชี Premium
    • เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
    • มีความยืดหยุ่นในการเทรดสูง
    • จำกัดการเทรดไม่เกิน 60 lots ต่อครั้ง
  3. บัญชี Zero
    • ไม่มี Spread (แต่มีค่าคอมมิชชั่น)
    • เหมาะสำหรับ Scalping และการใช้ EA
    • เงินฝากขั้นต่ำ $100
  4. บัญชี HFcopy
    • สำหรับ Copy Trade
    • สามารถเป็นได้ทั้งผู้ Copy และผู้ให้ Copy
  5. บัญชี CENT
    • คล้ายกับบัญชี Micro แต่มีความแตกต่างในเรื่องค่า Swap และ Contract size
HFM ประเภทบัญชี
HFM ประเภทบัญชี

ภาพรวมการเทรด ความลื่นไหล และปัญหาที่อาจพบ

ความลื่นไหลในการเทรด

HFM ใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้ง MT4, MT5 และแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง ทำให้การเทรดมีความลื่นไหลดี กราฟราคามีความเสถียร และการส่งคำสั่งซื้อขายทำได้รวดเร็ว

Requotes และ Slippage

ปัญหา Requotes และ Slippage อาจพบได้บ้างในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ แต่โดยทั่วไปแล้วไม่พบปัญหานี้บ่อยนัก

ระดับ Stop Out

HFM กำหนดระดับ Stop Out ไว้ที่ 30% ของมาร์จิ้น ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับเทรดเดอร์

บัญชีที่แนะนำของ HFM

  1. บัญชี Standard: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและเทรดเดอร์ทั่วไป ด้วย Spread ที่ต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่มีค่า Swap เมื่อถือสถานะข้ามคืน
  2. บัญชี Zero: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการ Spread ต่ำมากหรือเป็น 0 และไม่มีปัญหากับการจ่ายค่าคอมมิชชั่น เหมาะกับการทำ Scalping หรือใช้ EA

โปรโมชั่นของ HFM

HFM มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจหลายรายการ เช่น:

  1. โบนัสเงินฝาก 20%: สูงสุดถึง $5,000 สามารถถอนกำไรจากการเทรดได้
  2. Traders Awards 2024: การแข่งขันเทรดชิงรางวัล $2,000 ทุกเดือน
  3. Trading Rewards Loyalty Program: รับรางวัลเงินสดหรือบริการเพิ่มเติมตามปริมาณการเทรด
  4. Return on Free Margin: รับผลตอบแทนสูงสุด 3% ของมาร์จิ้นคงเหลือ
  5. โบนัสเงินฟรี $35: สำหรับลูกค้าใหม่ ไม่ต้องฝากเงิน สามารถถอนกำไรได้

ทั้งนี้ โปรดตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละโปรโมชั่นอย่างละเอียดก่อนการใช้งาน เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

แพลตฟอร์มที่ใช้งาน

HFM รองรับแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย ได้แก่:

  1. xStation 5: แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย HFM เอง ใช้งานง่าย มีเสถียรภาพสูง และมีอินเตอร์เฟซที่สวยงาม
  2. xStation Mobile: เวอร์ชันมือถือของ xStation 5 ใช้งานได้ทั้งบน iOS และ Android
  3. HFM Trader: อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย HFM มีฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน
  4. MetaTrader 4 (MT4): แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ใช้งานง่าย เสถียร และรองรับการใช้งาน EA
  5. MetaTrader 5 (MT5): รุ่นใหม่ของ MT4 ที่มีฟีเจอร์เพิ่มเติมและรองรับสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น
HFM แพลตฟอร์ม
HFM แพลตฟอร์ม

การฝาก-ถอนกับ HFM

HFM ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการฝากและถอนเงินของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทย

ช่องทางการฝาก-ถอน

  • ธนาคารไทย: รองรับการฝากผ่านธนาคารชั้นนำของไทยโดยตรง
  • บัตรเครดิต/เดบิต: VISA, Mastercard
  • E-Wallets: Neteller, Skrill, FasaPay
  • Cryptocurrencies: Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

ความเร็วในการฝาก-ถอน

  • การฝาก: ส่วนใหญ่เงินเข้าบัญชีทันที โดยเฉพาะการฝากผ่านธนาคารไทย
  • การถอน: ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถึง 1 วันทำการ ขึ้นอยู่กับวิธีการถอนและจำนวนเงิน

ค่าธรรมเนียม

  • ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากเงินผ่านธนาคารไทย
  • การถอนผ่านบัตรเครดิตมีค่าธรรมเนียม 5%
  • การถอนผ่าน Skrill และ Neteller มีค่าธรรมเนียม 1%

ระบบ Copy Trade ของ HFM

HFM มีระบบ Copy Trade ที่เรียกว่า HFcopy ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถลงทุนโดยการทำตามเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้ ระบบนี้มีจุดเด่นดังนี้:

  • สามารถเลือก Copy เทรดเดอร์ได้หลายคนพร้อมกัน
  • มีข้อมูลสถิติและประวัติการเทรดของเทรดเดอร์ให้ตรวจสอบก่อนตัดสินใจ Copy
  • สามารถกำหนดวงเงินและความเสี่ยงในการ Copy ได้
  • เทรดเดอร์ที่ให้ Copy สามารถรับรายได้จากผู้ที่มา Copy ด้วย

อย่างไรก็ตาม ระบบ Copy Trade อาจยังไม่เปิดให้บริการในบางประเทศ รวมถึงประเทศไทย ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ แต่คาดว่าจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้

ช่องทางการติดต่อและฝ่ายสนับสนุน

HFM ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทย มีช่องทางการติดต่อดังนี้:

  • Live Chat: บนเว็บไซต์ HFM ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • โทรศัพท์: 02-5060095 (เวลาทำการ 7.00 – 23.00 น. วันจันทร์ – ศุกร์)
  • Email: [email protected]
  • Line: @hfmthailand
  • Facebook: HFM Thailand

ทีมสนับสนุนของ HFM สามารถให้บริการเป็นภาษาไทยได้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมาก

HFM ติดต่อ
HFM ติดต่อ

สรุป

HFM เป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำหลายแห่ง และมีประวัติการให้บริการที่ยาวนานกว่า 10 ปี จุดเด่นของ HFM คือความหลากหลายของผลิตภัณฑ์การลงทุน, โปรโมชั่นที่น่าสนใจ, และการให้บริการที่เป็นมิตรกับลูกค้าชาวไทย

อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรพิจารณาข้อเสียบางประการ เช่น Spread ที่อาจกว้างในบางบัญชี และการถอนเงินที่อาจใช้เวลานานกว่าที่ระบุไว้ นอกจากนี้ ความหลากหลายของประเภทบัญชีอาจทำให้ผู้เริ่มต้นสับสนในการเลือก

โดยรวมแล้ว HFM เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย และให้บริการที่เป็นมิตรกับคนไทย แต่เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาด Forex ทั้งหมด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีและเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีและเริ่มเทรด

“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน”